Pages

Monday, July 20, 2020

ผลวิจัย ชี้ ภาวะเรือนกระจก ส่งผลให้อีก 80 ปี หมีขั้วโลกอาจสูญพันธุ์ - PPTVHD36

amparipisang.blogspot.com

ดร. ปีเตอร์ มอลนาร์ แห่งมหาวิทยาลัยโตรอนโต ในออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เปิดเผยว่า ลูกหมีจะกลายเป็นเหยื่อของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากประชากรหมีบางส่วนอยู่ในจุดที่ยากต่อการมีชีวิตรอดเพราะพวกมันเป็นสัตว์กินเนื้อที่ต้องพึ่งพาน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกเพื่อล่าแมวน้ำ แต่น้ำแข็งในอาร์กติกกำลังละลายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 21 ก.ค. 63

คาดหมีขั้วโลกจำนวนลดลง 1 ใน 3  ภายใน 40 ปี

ผลวิจัย ชี้ ภาวะเรือนกระจก ส่งผลให้อีก 80 ปี หมีขั้วโลกอาจสูญพันธุ์

ซึ่งพฤติกรรมของพวกมันเมื่อน้ำแข็งละลายจะแยกส่วเป็นชิ้นๆ ทำให้หมีต้องเดินไปเรื่อยๆ เพื่อหาอาหารทั้งของตัวเองและลูกของพวกมัน ดั่งเช่นที่เราเคยเห็นภาพของหมีขั้วโลกเดินหาอาหารจนสภาพผอมโซ อาจมีผลทำให้หมีขั้วโลกหมดไปในช่วงปลายศตวรรษนี้ (2100)

สลด!“หมีขั้วโลก” หิวโซเร่ร่อนหาอาหารในรัสเซีย

 “สถานการณ์หมีขั้วโลกอยู่ในจุดวิกฤตของโลกแล้วถ้าไม่มีน้ำแข็งพวกมันก็ไม่มีที่อยู่” เขากล่าว

สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)  บอกว่า หมีขั้วโลกมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้พวกมันลดลง

ดร. สตีเฟน แอมสตรัป หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Polar Bears International ผู้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการศึกษา บอกว่า แบบจำลองการใช้พลังงานของหมีขั้วโลกโดยนำมาคำนวณขีดจำกัดความอดทนของพวกมัน "สิ่งที่แสดงออกมาคือการตายของลูกหมีที่เพิ่งเกิดเพราะแม่หมีมีไขมันในร่างกายไม่เพียงพอที่จะผลิตน้ำนมในฤดูร้อน

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูง มีแนวโน้มว่าประชากรหมีขั้วโลก ที่เหลืออยู่น้อยในปัจจุบัน จะสูญพันธุ์ไปภายในปี 2100

ผลวิจัย ชี้ ภาวะเรือนกระจก ส่งผลให้อีก 80 ปี หมีขั้วโลกอาจสูญพันธุ์

หมีขาว 200 ตัวรุมทึ้งซากวาฬ สัญญาณของความอดอยากที่รุนแรงขึ้น

ขั้วโลกใต้ร้อนขึ้นเป็น 3 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลกในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

เรียบเรียงจาก  BBC

Let's block ads! (Why?)



"สูญพันธุ์" - Google News
July 21, 2020 at 11:55AM
https://ift.tt/2CQAmLe

ผลวิจัย ชี้ ภาวะเรือนกระจก ส่งผลให้อีก 80 ปี หมีขั้วโลกอาจสูญพันธุ์ - PPTVHD36
"สูญพันธุ์" - Google News
https://ift.tt/2U2TUlm

No comments:

Post a Comment